Episode 06 - ออกบ้านกลางดึก





I AM DEW
Episode : 06



หมายเหตุ : ก่อนจะอ่านตอนนี้ แนะนำให้อ่าน #ดิวเด๋อ ในแอพจอยลดา จนถึงตอนที่ 06 ก่อนนะคะ เพื่อความเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดจ้า http://www.joylada.com/story/5a32bbd8b66e9f0001bf73b9 



 ________________________________________
By Dew
(ไอ้สัด กูเชื่อแล้วว่าทำไมคนที่โรงเรียนคิดว่ามันเด๋อ อาบน้ำเสร็จ ทำหน้าเจียมตัวหน่อย ไหนจะแว่นกรอบใหญ่ๆอีก โอ๊ยยยยย เหี้ยมาก เดินออกมาจากบ้านนี่น้องกิฟแทบไม่สนใจ ตอนแรกโคตรจะอ่อย)
“พูดมากจังนะมึงอะ” ผมว่ากลับไปเมื่อได้ยินเสียงของไอ้กุลดังออกมาจากทางโทรศัพท์ ในระหว่างที่นั่งรถไปคอนโดของเอย จู่ๆไอ้เพื่อนตัวดีก็ละทิ้งนมเต้าใหญ่ๆมาให้ความสนใจกับผมซะงั้น หลังจากที่เห็นสภาพที่เรียกได้ว่าแตกต่างแบบโคตรๆในตอนที่ผมก้าวออกมาจากบ้าน
คราบของท่านดิวหายไป
เหลือเพียงไอ้ดิวเด๋อๆที่ผมก็แม่งรับตัวเองไม่ได้
แต่..
ถ้าไอ้ร่างกระจอกๆนี่มัดใจเอยได้ ผมก็จะสวมบทบาทอยู่กับมันต่อไป
พวกไอ้กุลโทรมาคุยกับผม และตัวผมเองก็เปิดลำโพงนั่งเอนหลังพิงเบาะแบบสบายๆ เนื่องจากว่าไอ้ซันเป็นคนขับรถ
ครับ
ผมไม่เอารถจอดไว้ที่คอนโดของเอยหรอก เดี๋ยวความแตกว่าความจริงคือใครกันแล้วจะยุ่ง
BMW Z4 แล่นไปตามท้องถนน โดยที่เสียงของไอ้กุลก็ยังดังออกมาจากสายเรื่อยๆโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
(ไอ้ซันมันไม่เล่าอะไรก็จริง แต่ตอนนี้มึงกำลังจีบใครบางคนอยู่ใช่หรือไม่)
ผมถึงขั้นกระตุกยิ้ม ตามด้วยไอ้คนขับที่แค่นหัวเราะออกมาเบาๆอย่างมีเลศนัย เรื่องที่ผมจะจีบเอยอย่างจริงจังนั้นยังไม่ได้บอกคนในกลุ่ม สาเหตุหลักๆก็เพราะว่าผมไม่ชอบโดนแซว แล้วผมก็ยังไม่แน่ใจด้วยว่าจะจีบเอยติดหรือไม่ เดี๋ยวประวัติจะเสียซะเปล่าๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาผมนั้นเรียกได้ว่าฮอตมากเสียจนไม่ต้องลงมือจีบใคร

ถ้าจะพูดกันให้ถูก..
เอยเป็นคนแรกที่ผมรู้สึกชอบ

ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบมากขนาดนี้ แต่ผมก็ชอบไปแล้ว และความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันไม่เคยเกิดกับใครมาก่อนซะด้วย
“เลิกเสือกเรื่องของกูเถอะครับ เอาเป็นว่ามีภารกิจที่ต้องไปทำ”
(เออ พวกกูมันคนนอก ใครจะเหมือนมึงกับไอ้ซัน สนิทกันจนกูน้อยใจแล้ว)
“มึงควรเลิกปากพล่อยอะ ไอ้ซันมันรู้ใจกูทุกอย่าง มันเลยได้เป็นคนโปรด”
(เหม็นว่ะไอ้สัส นี่เปิดลำโพงอยู่มั้ย ไอ้ซัน ไอ้เหี้ย)
“อ้าวด่ากูทำไม เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงเจอตีน” คนที่นั่งด้านข้างทำการตอบกลับ ส่วนผมก็ส่ายหน้าให้กับความเพ้อเจ้อของไอ้กุล มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละครับ ชินแล้วล่ะ ถึงจะพูดมากไปบ้างแต่ก็เป็นสีสันของกลุ่ม
(กูจะขอตัวไปแอ้มน้องจ๊ะจ๋าละ แม่งเอ๊ย นมเป็นนม ก้นเป็นก้น)
“พรุ่งนี้เรียน อย่าฟ้าเหลือง” ซันมันเป็นคนเตือน
(ระดับพี่กุลแล้ว ให้น้องโยกข้างบนเอา กูจะนอนเฉยๆ ไม่มีทางหมดแรง)
“เห็นแก่ตัวว่ะไอ้สัส”
(กูชอบ ไปละ)
“เออ รำคาญ” ผมเป็นฝ่ายตอบกลับ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดาะลิ้นเล่นในระหว่างที่รถขับไปเรื่อยๆ โชคดีที่ตอนนี้ดึกมากแล้วจึงทำให้รถไม่ติด ผมเองก็ไม่อยากจะไปหาเอยดึกๆ ดื่นๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเรายังต้องตื่นเช้าไปโรงเรียนอีก
นี่ก็รีบอาบน้ำที่สุดแล้วให้ตายเถอะ
สถานการณ์ทุกอย่างมันรวดเร็วมากจนผมงงว่าตัวเองบ้าบิ่นขนาดออกมาจากงานปาร์ตี้เพื่อคนคนเดียวได้ยังไงวะ
เมื่อกี๊ผมเกือบจะหิ้วน้องกิฟเข้าไปบนห้องแล้วเชียว...
“ถุงยางพร้อมมั้ยมึงอะ”
“ไอ้เหี้ยนี่ ก็บอกว่าไม่เอาไง” ผมหันไปพูดแบบยิ้มๆ
โอ๊ย นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก เวลาคิดถึงเอยแล้วมันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ทุกที จนเริ่มจะรู้สึกว่าตัวเองโดนเล่นของใส่ซะแล้วล่ะครับ
“เหตุผลที่เขาเรียกมึงไปหาตอนดึกๆนี่มันจะมีอะไรได้อีกวะท่าน คิดสิคิด ตอนดึกๆคนเราทำอะไรกัน คงไม่นั่งดูโดราเอมอนหรอกมั้ง”
“มึงก็เกินไป เอยเขากำลังเครียด”
“ทำไมวะ?”
“เห็นบอกว่าทะเลาะกับไอ้ตี๋ คนที่อยู่พวกไอ้หมอก กูไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรเยอะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเสือกเกินไป”
“มึงมีมารยาทกับเขาด้วย?” ไอ้ซันหัวเราะ
“เออดิวะ”
“ไม่ใช่ว่าทะเลาะกับไอ้ตี๋อะไรนั่นแล้วอารมณ์ค้าง ลากมึงไปแก้เงี่ยนนะ”
“มันก็ไม่ใช่แบบนั้นปะวะ ถ้าเอยจะเรียกกูไปทำเรื่องแบบนั้น เอยก็ไปเรียกคนอื่นในกลุ่มไอ้หมอกดีกว่าปะ เขายังคิดว่ากูจูบไม่เป็นอยู่เลย”
พูดถึงตรงนี้แล้วมันก็เสียเซลฟ์หน่อยๆ ความจริงผมว่าผมเป็นคนที่ช่ำชองพอสมควร ไม่ได้อยากจะอวดหรืออะไรนะ พูดกันตรงๆ มีอะไรกับผู้หญิงก็พาถึงสวรรค์ มีอะไรกับผู้ชายก็ครางแทบไม่ได้สรรพ แล้วเอยเอาอะไรมาคิดว่าน้ำหน้าอย่างผมทำไม่เป็นวะ
“มึงก็ตามน้ำเกิ้นนนนน ไอ้เหี้ย”
“คืนนี้แอบดูดปากเลยมั้ย” ผมขำ
“กล้าก็ลอง”
“ท้ากูเหรอ”
“มึงไม่กล้าอะท่านดิว” ไอ้ซันส่ายหน้า “แค่เขาเรียกนี่รีบแปลงโฉมจะเป็นจะตาย ก่อนจะกล้าดูดปากเขา มึงเอาร่างจริงไปเจอก่อนน่าจะดีกว่า”
“มันยังไม่ถึงเวลา” ผมหัวเราะ
ถามว่ารู้สึกผิดมั้ยที่โกหกเอยเรื่องนี้..
ก็รู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ แต่คือแบบ.. ไม่รู้สิ ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเองหรอก ว่ามันเป็นเพราะไอ้ร่างนี้แหละที่ทำให้เอยกล้าเปิดใจคุยกับผมในหลายๆเรื่อง เวลาที่แกล้งหยอกผม เวลาที่แกล้งพูดจาลามกใส่ เอยจะหัวเราะเสมอ แล้วมันก็น่ารักมากๆซะด้วย
ผมเลยอยากเห็นเอยในมุมนี้นานๆ
แต่ก็คิดว่าจะไม่โกหกอะไรมากไปกว่านี้หรอกครับ ยังไงซะ ไอ้ตัวตนนี้มันก็คือผมจริงๆ ไม่ได้จะมาหลอกเอาผลประโยชน์อะไรสักหน่อย
“แล้วมึงไปหาเขาทั้งๆที่มึงเพิ่งนัวกับสาวเสร็จไปนี่นะ ค้างมั้ยถามจริงๆ” ไอ้ซันยังคงถามต่อ
“ไอ้สัส จะทักทำไมวะ” แล้วนั่นก็ทำให้ผมถึงขั้นนั่งไม่ติดเบาะ
นั่นดิ
ตอนแรกผมนัวกับน้องกิฟจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นแล้วอะ เหลือแค่ลากขึ้นห้อง จับโยนลงเตียงแล้วก็ทำให้เสร็จก็แค่นั้น แล้วเพราะความตกใจที่เอยเรียกให้ไปหา มันก็ทำให้ไอ้น้องดิวตัวใหญ่หดกลับร่างเล็กไปเหมือนเดิมแล้วแท้ๆ แต่ไอ้ซันดันมาทักเนี่ยนะ
“ถ้ามึงกลับเข้าห้องไปเจอเอยใส่ชุดคลุมอาบน้ำอีกมึงจะทำยังไง”
“ไอ้เหี้ยอย่าพูด ภาพมันตัดเข้าหัว”
“กูว่าเหยดแน่นอน”
“ควยเหอะ กูทำไม่เป็นหรอกร่างนี้” ผมหัวเราะ ส่วนไอ้ซันก็ส่ายหน้าอย่างระอา
แต่ตอนนี้ใกล้จะถึงคอนโดของเอยแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อปลอบให้น้องดิวหลับไหลอยู่ในร่างเล็กไปเรื่อยๆ ถ้ามันตื่นขึ้นมาล่ะเดี๋ยวแม่งยุ่ง ทีงี้ไม่รู้จะแถไปทางไหนเลยนะ



“เอารถกูกลับไปบ้านไปเลยนะมึงอะ เดี๋ยวกูค่อยบอกพ่อว่าวันนี้ไม่กลับ”
“เค วันพรุ่งนี้ไปรับที่โรงเรียนปะ กูจะได้เอารถมึงออกบ้าน”
“ไม่รู้ ดูก่อน เดี๋ยวบอกอีกที แต่มึงจะเอาไปใช้เลยก็ได้ ถ้ากลับบ้านไม่ได้เดี๋ยวกูก็เรียกคนขับรถมารับเองอะ”
“เค้ รับทราบครับท่าน ขอให้โชคดีกับน้องเอย”
ผมยักคิ้วให้ไอ้ซันทีนึงก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูรถแล้วก้าวไปทางคอนโด ก่อนที่รถคันหรูจะขับเลยออกไป แน่นอนว่าผมให้ไอ้ซันมันจอดทางข้างหน้า ป้องกันทุกทางก่อนล่ะตอนนี้ ถ้าเอยอยู่ตรงระเบียงแล้วมองลงมายังไงก็ต้องไม่เห็นรถผมอะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าผมก็มีรถแล้ว จะอยากได้รถใหม่ไปทำไม
โถ่ ก็ไอ้คันนี้พ่อให้มาใช้ไปก่อน ไอ้คันที่อยากได้จริงๆมันคือ Ferrari 812 Superfast ต่างหาก
ข้อแลกเปลี่ยนก็ถือว่าโหดอยู่ แต่ถ้าผมอดทนได้ สิ่งที่จะต้องแลกมามันก็คุ้มค่าไม่น้อยใช่ไหมล่ะ
ผมส่งข้อความไปบอกเอยว่ามาถึงห้องแล้ว อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อว่าแค่นั้นก็ทำให้ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดเวลาที่อยู่ในลิฟต์ ก่อนจะรีบปั้นหน้าเจ๋อๆ เด๋อๆ เหมือนเก่าในตอนที่เดินมาถึงหน้าห้องของอีกฝ่าย
บานประตูมันเปิดเอาไว้ก่อนแล้ว และนั่นก็ทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เอยทำไมไม่ปิดประตูครับ”
ผมถามร่างเล็กที่นั่งเล่นคอมอยู่ตรงโซฟา เอยใส่เสื้อยืดธรรมดาๆ คอกว้างทำให้เห็นไหปลาร้าชัดเจน และกางเกงขาสั้น
ชิบหายละ
ก็แต่งตัวธรรมดาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมผมต้องใจเต้นขนาดนี้ด้วย
“ก็เปิดไว้เลยไง ดิวบอกว่าถึงแล้ว”
“ไม่ดีเลยครับ ถ้าคนที่เดินผ่านห้องไปไม่ใช่ผมจะทำยังไง”
“ดึกป่านนี้แล้วไม่มีใครหรอกน่า” เอยว่าพลางพับจอโน้ตบุ๊กลง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
ให้ตายเหอะ
เนี่ย
เนี่ย
ทำไมต้องน่ารัก
แค่ยิ้มยังน่ารักเลย
โอ๊ย ข้างในผมจะบ้าแล้ว แต่ก็ต้องทำหน้าเจื่อนๆเอาไว้ก่อน
“ทำไมเอยถึงเรียกผมมาเหรอครับ?” ผมทำการเปลี่ยนเรื่องคุย จัดการล็อคประตูห้องให้ร่างเล็กซะเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ตรงโซฟา ไม่ลืมที่จะเอาหมอนมาวางบนตักแล้วกอดเอาไว้ด้วย เผื่อน้องดิวตื่น เดี๋ยวชิบหาย
โว้ยยยย
มันไม่ควรจะตื่น
แต่ทำไมขาเอยขาวจังวะ
“ไม่รู้เหมือนกันอะ”
ก่อนที่ผมจะต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อจู่ๆเอยก็ตอบเสียงเบา ร่างเล็กมองหน้าผมแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจออกมา ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกห่วงไม่น้อย แต่ก็อึกอัก เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ทำอะไรแค่ไหน
อาการแบบนี้เรียกว่าประหม่ารึเปล่า
เนี่ย ผมแปลกๆอีกแล้ว ปกติแล้วผมไม่ค่อยเกร็งเวลาอยู่กับใครหรอกครับ ออกจะมั่นใจจนเกินเหตุด้วยซะ
“เอยครับ”
“หือ?”
“มีอะไรบอกผมได้นะ ทุกเรื่องเลย” ผมเม้มริมฝีปาก จู่ๆหัวใจก็ชุ่มชื้นขึ้นมาเฉยๆเพราะเอยยิ้มให้อีกแล้ว
ใจกู
ใจกู
“เนี่ยดิว ทำไมน่ารัก กับคนอื่นพูดแบบนี้ปะ?”
“ปกติผมไม่ค่อยคุยกับใครหรอกครับ” ไม่ได้โกหกนะ หมายถึงไม่คุยกับใครแบบนี้ แบบที่คุยกับเอย อาจจะมีคุยบ้างตอนที่หม้อสาวอื่น แต่ผมไม่ได้ใส่ความเป็นห่วงแบบจริงๆเข้าไปด้วยแบบนี้อะ
“หรอ แล้วทำไมคุยกับเอย?”
“...”
“เป็นห่วงหรอ” เอยหัวเราะต่อ ท่าทางนั้นน่ารักมากจนผมได้ยินเสียงระเบิดตู้มในใจของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป
“ก็ห่วงครับ ก็ไม่อยากให้เอยไม่สบายใจ”
“ขอบคุณนะ”
“ครับ”
“จริงๆแล้วเอยทะเลาะกับตี๋ เพราะว่าตอนที่นอนอยู่ด้วยกัน จู่ๆตี๋ก็ขอเอยเป็นแฟน”
แต่พอมาถึงจุดนี้ผมกลับเงียบ ภายในใจที่ระเบิดตูมตามเมื่อสักครู่รู้สึกชาๆในตอนที่ได้ยินว่าเอยพูดถึงคนอื่น มันแบบ.. อ่า ผมต้องยอมรับจริงๆแล้วว่าผมหวงเอยมาก และสาเหตุที่ทำให้ผมหงุดหงิดตลอดทั้งตอนเย็นก็เพราะว่าเอยกลับบ้านกับไอ้ตี๋นี่แหละ
“แล้วเอยไม่ตกลงเหรอครับ ถึงได้ทะเลาะกัน”
“จะตกลงทำไม เอยไม่ได้ชอบตี๋” เอยหัวเราะ ส่วนผมก็เม้มริมฝีปาก สารภาพว่าแอบสมน้ำหน้าไอ้ตี๋อยู่หน่อยๆ ไม่หน่อยล่ะ สมน้ำหน้ามากๆ ตอนอยู่โรงเรียนแม่งชอบทำหน้ากวนส้นตีนผมนัก
เหอะ
มึงแห้ว
“แล้วตี๋ไม่ยอมหรอครับ เลยทะเลาะกัน”
“ไม่ใช่แค่ไม่ยอมอะ แต่แบบ.. ตี๋ว่าเอย”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อน้ำเสียงของเอยดูไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ ผมถึงขั้นขบสันกรามเอาไว้แน่น ให้พูดตรงๆ เวลาแบบนี้ผมอยากดึงเอยมากอดเอาไว้ แต่ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากแอบกำมือใต้หมอน
“ถ้าเอยไม่อยากพูดถึงก็ไม่เป็นไรนะครับ”
ผมสัมผัสได้ว่าเอยรู้สึกแย่มากจริงๆ แล้วมันก็คงเข้าขั้นหนัก ถ้าไม่อย่างนั้นถึงไม่ลงทุนเรียกคนที่เพิ่งรู้จักอย่างผมมาหาตอนดึกขนาดนี้หรอก
“มันไม่ยุติธรรมเลยอะ คือแบบ.. ทำไมเอยมีอะไรกับคนหลายคนแล้วโดนด่า เพียงเพราะเป็นรับเหรอ? ส่วนพวกรุกนี่จะไปเอาใครก็ได้ ยิ่งได้แต้มเยอะยิ่งเท่เหรอ?” เอยย่นคิ้วเข้าหากัน อารมณ์ตอนโมโหนั้นมันไม่ต่างอะไรจากแมวน้อยที่กำลังขู่เลยสักนิด
“ตี๋พูดแบบนั้นเหรอครับ?”
“ตี๋บอกว่าเอยง่าย ให้ทั้งกลุ่มตี๋เอา”
“อ้าว..”
ก็แรงพอสมควร
สิ่งที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือผมโคตรโกรธ ไม่รู้ดิ ผมไม่ชอบให้ใครมาว่าเอย อาจเพราะผมสัมผัสได้ว่าจริงๆแล้วเอยก็มีมุมที่น่ารัก จริงใจ แล้วก็ไม่ได้.. จะใช้คำว่าอะไรดีล่ะ ไม่ได้อ่อยหรือแรดไปทั่วอะไรทำนองนี้มั้งครับ ผมเองก็หาคำที่มันเบากว่านี้ไม่ได้ แต่ก็ตามนั้นเลย
“อื้อ เอยผิดเองอะ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวดิวก็จะมองว่าเอยไม่ดีอีกคน”
“ผมเปล่านะครับ”
“จริงๆมันก็เป็นเรื่องของเราปะ พวกคนในห้องก็เหมือนกัน ชอบหาว่าเอยเป็นเด็กของกลุ่มหมอกอะไรแบบนี้”
“เอยอย่าคิดมากเลยครับ”
“ไม่คิดแล้วแหละ เลิกยุ่งไปหมดละ”
“หืม?”
“เหมือนมันตีกันในหัวอะดิว ตอนนี้เอยบอกพวกหมอกไปละว่าเลิกยุ่งกัน ไม่อยากดูแย่แล้ว แล้วจริงๆเอยก็ไม่ได้ชอบใครสักคนในนั้น ถ้าไม่อย่างงั้นก็คบไปนานละดิ แต่อีกใจนึงก็คิดว่า จะแคร์คนที่มองเราแย่ทำไม เพราะจริงๆเอยก็โสดอะ จะมีอะไรกับใครก็ได้ไม่ใช่เหรอ เอยป้องกันตลอดเลยนะ แต่ถ้ามีแฟนเอยก็คบคนเดียวนะ”
“ไม่ต้องไปแคร์คำพูดของคนอื่นหรอกครับ เอยเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด” ผมพูดตามตรง ไม่ได้แกล้งยอด้วย เพราะนี่คือสิ่งที่ผมคิดจริงๆ
“ดิวว่าเอยไม่ผิดเหรอ?”
“ถ้าเรื่องมีอะไรกับพวกหมอก เอยไม่ผิดหรอกครับ แต่ว่า ที่เลิกยุ่งกับพวกนั้นตอนนี้ก็ดีแล้ว เพราะเอยบอกว่าเอยไม่ได้ชอบพวกเขา ถ้ายังอยู่กันต่อไปแบบนี้มันก็เป็นการให้ความหวังกันเปล่าๆ”
“อื้อ นั่นสิ”
“ส่วนเรื่องคนมองไม่ดี มันก็แล้วแต่คนนะครับ ถ้าอย่างผม..”
“...”
“ผมไม่สนว่าแฟนจะผ่านอะไรมาบ้าง จะเป็นของใครไปแล้วบ้าง แต่ถ้าปัจจุบันคบกับผม แล้วเขาเป็นของผมแค่คนเดียว แค่นี้มันก็พอแล้ว”
ผมตอบแบบตรงๆ คำพูดนั้นทำให้เอยอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาทั้งสองข้างแทบจะเป็นสระอิ แล้วนั่นก็ทำให้ผมยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เก้อ
“เอยขำอะไรเหรอครับ?”
“ก็ดูดิวพูดดิ ทำเหมือนเคยมีแฟนอะ” เอยหัวเราะต่อ
“อ่า.. ผมก็แค่พูดตามที่คิด”
“ดิวยังไม่เคยมีอะไรกับใครเลยไม่ใช่เหรอ ไม่อยากให้ครั้งแรกของดิวกับคนคนนั้นเป็นครั้งแรกของกันและกันเหรอ”
“...ก็ไม่นะ”
“เนี่ย ถ้าสมมุติว่าดิวคบกับเอยใช่มะ ดิวไม่รู้สึกแย่เหรอที่เอยโดนเอามาหลายคนแล้ว แต่ดิวยังไม่เคยเอากับใครเลย”
ก็อยากจะตอบให้ดังๆเลยว่าผมเองก็ผ่านมาไม่น้อยหรอกครับ แต่ความจริงแล้วนั้น...
“ไม่ครับ”
ผมก็พูดได้แค่นี้แหละ
“เฮ้อ พูดจริงรึเปล่าเนี่ย หรือแกล้งตอบให้ดีใจเล่นเฉยๆ” เอยส่ายหน้าแบบยิ้มๆ
“ผมพูดจริงนะ”
“ดิวรู้เรื่องของเอยเยอะแบบนี้แล้วก็ยังอยากเป็นแฟนเอยอยู่เหรอ? ..อันนี้คือ สมมุติเฉยๆนะ”
“ครับ ก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอครับ?” ผมพยักหน้าหงึกหงัก
“โอ๊ย ก็จะซื่อเกินไปแล้ว” แต่เอยกลับยกมือขึ้นก่ายหน้าผากซะงั้น หรือว่าท่าทีของผมมันกากจนเกินไปวะ นี่ก็พูดจริงที่สุดแล้วเนี่ย จะให้จริงจังขนาดไหนอีก เดี๋ยวผมก็อุ้มไปที่เตียงซะเลย

ข้ามขั้นตอนการเป็นแฟนแล้วเป็นเมียเลย
ผมถนัดมากๆนะ แต่เขาคงไม่รู้

“ถ้าจะเป็นแฟนเอยนี่ต้องสอนหลายอย่างเลยนะ ดิวอะ” ก่อนที่เอยจะขำออกมาอีกครั้ง คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มแหยๆกลับไปเป็นคำตอบ
“..ครับ”
“แต่เอยว่า”
“...”
“เอยชอบดิวแน่เลย”

โบ้มมมมมมมมมมมมมมมม

และนั่นคือเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นในหัว ผมถึงขั้นตัวแข็งทื่อไปเลย ภายในใจเต้นตึกตัก มือชา ขาชา ทำอะไรไม่ถูก เพียงเพราะว่าจู่ๆก็โดนคนที่ตัวเองแอบชอบมาบอกชอบ ที่สำคัญคือเอยชอบผมในร่างเด๋อเนี่ยนะ
ไอ้เชี่ยซัน ตอนนี้ผมต้องการคุยกับมันมากๆ แต่ถ้าจะให้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อหน้าเอยมันก็ยังไงอยู่
“ผมอะนะ?”
“ฮ่าๆๆ ไม่รู้อะ ดิวน่ารักดี.. นี่ มานี่หน่อย”
“อ..เอย” ผมเสียงกระตุก เมื่อจู่ๆร่างเล็กก็เขยิบเข้ามาใกล้ เอยยืดตัวสูงขึ้น เข่าทั้งสองข้างชันเอาไว้บนโซฟาและโน้มตัวเข้ามาหาผม เอวบางๆนั้นมองเห็นได้ลางๆเมื่อเสื้อที่ใส่อยู่โปร่งจนเกินไป ยอมรับตรงๆว่าโคตรอยากจะดึงเอยมากอด แต่ยังไงล่ะ ผมก็ทำได้แค่นิ่งและหลับตาลง เพราะจู่ๆเอยก็ส่งมือมาดึงแว่นออกไป
“มองเห็นมั้ย?”
ชัด...
เลย..
เอยโน้มหน้าเข้ามาใกล้มากๆ ร่างเล็กเอียงคอมองราวกับแมวน้อยที่กำลังสงสัย ขี้แมลงวันสามจุดบนแก้มนั้นทำเอาผมใจสั่น มันเข้ากับเอยมากๆ แล้วก็น่าหอมแก้มโคตรๆด้วย
“มองเห็นเอยชัดมั้ยยยย”
“ฮะ? ครับ ก็.. ตอนนี้คือ..คือเอย ใกล้มากๆ”
“โหยตะกุกตะกักใหญ่เลย” เอยถดตัวไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าก่อนจะยิ้มอีกครั้ง
โว้ย นี่ก็จะยิ้มบ่อยเกินไปแล้ว บอกตรงๆว่าผมใจไม่ดี ถ้าเป็นโรคหัวใจคงจะลาจากโลกนี้ไปแล้วแน่ๆ
“ตอนอยู่กับเอยไม่ใส่แว่นได้มั้ยอะ มองเห็นมั้ย?”
“หืม..”
“เอยชอบดิวตอนไม่ใส่แว่นมากๆ ทำไมน่ารักก็ไม่รู้”
โห่
เอยครับ
หัวใจเต้นแรงจนแม่งจะเด้งออกมาข้างนอก
ท่านดิวที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเขินใคร มีแต่ทำให้เขาเขิน บัดนี้แม่งแทบอยากจะลงไปนอนดิ้นที่พื้น ผมว่าเอยทำให้ผมเป็นเอามากแบบโคตรๆเลยล่ะ
“ได้ครับ ไม่ใส่ก็ได้” ผมตอบตามความจริง เพราะแม่งจริงๆสายตาก็ไม่ได้สั้นอะไรหรอก
“น่ารักอะ” เอยยิ้มให้อีก มือเล็กควงแว่นเล่นไปมาราวกับเด็ก “เดี๋ยวเราเข้านอนกันแล้วมั้ย วันพรุ่งนี้ไปโรงเรียน”
“อ่า.. ได้ครับ”
“งั้นเดี๋ยวไปจัดที่นอนให้นะ”
“ครับ..”
ผมกลืนน้ำลายลงคอหลังจากที่เอยลุกไปแล้ว ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดพิมพ์ข้อความส่งไปหาไอ้ซันด้วยความรวดเร็ว

Dew : ไอ้เหี้ย กูตายแน่
Dew : ทำไมเอยแม่งน่า
Dew : น่ารัก
Dew : ไอ้เหี้ย
Dew : ไอ้เหี้ย
Dew : ไอ้เหี้ย
Dew : ไอ้เหี้ย
Dew : ไอ้เหี้ย




ผมปิดโทรศัพท์หลังจากที่พิมพ์ไปคร่ำครวญกับไอ้ซันเสร็จ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปหาเอยในห้องนอน ร่างเล็กเองก็เป็นฝ่ายวางโทรศัพท์เอาไว้ตรงหัวเตียงเช่นกัน ก่อนที่เอยจะเป็นฝ่ายหันมายิ้มให้กับผมอีกครั้ง
ถ้ามึงละเมอเป็นชื่อเอยออกมาทำไงวะไอ้ดิว วันนี้เอยยิ้มให้บ่อยเกินไปแล้ว ผมนี่แทบจะละลายละครับ
“นอนกัน”
“เอยง่วงแล้วเหรอครับ?”
“เอยก็นอนได้ตลอดนะ ถ้ามีคนให้กอด”
น่ะ
ทำให้ใจเต้นอีกละ
คนอะไรวะ
เดี๋ยวก็จับมาฟัดให้หนำใจเลย ตอนนี้ผมว่าผมเก็บกดละ
“หมายถึง..”
“ไม่เข้าใจจริงๆเหรอ นี่ขอกอดอยู่นะเนี่ย” เอยหัวเราะอีกครั้ง
โอ๊ย ให้ตายเถอะ นี่กลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายโดนจีบซะเองใช่ไหมล่ะ ทำไมเรื่องราวมันกลับกันไปหมดแบบนี้
“หรือว่าไม่ได้? ดิวหวงตัวเหรอ?”
“ผมแค่เขินน่ะครับ” ผมตอบเสียงเบา ก่อนจะเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้ม ท่าทางนั้นคงจะตลกน่าดู เพราะเอยก็หัวเราะออกมาอีกครั้งแล้ว
“ดิวน่าแกล้ง มาให้กอดเลย”
คนตัวเล็กกว่าเดินไปปิดไฟ ก่อนจะเป็นฝ่ายดึงผมให้ลงไปนอนอยู่บนเตียงด้วย ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่สอง ที่ผมมานอนห้องของเอย แต่สิ่งที่มันต่างไปจากเดิมก็คือแขนของอีกฝ่ายส่งมาพาดอยู่บนตัว แถมยังเขยิบหน้าขึ้นมาหนุนอยู่ตรงหัวไหล่อีกต่างหาก
“ชอบกอดคนหุ่นแบบนี้มากเลย ปกติออกกำลังหายบ่อยมั้ย?”
“ก็.. บ่อยอยู่ครับ” ผมตอบเสียงเบา พวกเรานอนคุยกันท่ามกลางความมืด ก่อนจะต้องเกร็งหน้าท้องเมื่อจู่ๆมือเล็กนั้นก็สอดเข้ามาในเสื้อแล้วลูบเบาๆ
“อ..เอย”
“ตกใจอะไร เคยขอไปแล้วนะ.. ขอจับหน่อย”
ผมนี่กลืนน้ำลายลงคอ เอยลูบมือไปตามกล้ามท้องอย่างแผ่วเบา สัมผัสวาบหวิวนั้นทำเอาหายใจไม่เป็นจังหวะ ในหัวของผมพยายามนึกถึงใครก็ได้ที่ไม่ใช่เอย หน้าไอ้ซัน ไอ้กุล ไอ้หลง ไอ้ซอง เพื่อนทั้งหลายที่แสนจะกวนตีน เพราะถ้าโฟกัสอยู่ตรงมือของเอยตอนนี้
กูตาย
กูตายแน่ๆ
“ไม่เอามือออกได้มั้ย เอาไว้แบบนี้แหละ”
“...เอ่อ.. คือ”
“ตื่นเต้นเหรอ ดิวหายใจแรงมากเลย” เอยเงยหน้าขึ้นมามองผม เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากในลำคอ และคงเพราะว่าในห้องมันมืดมากๆ จึงทำให้ผมเห็นหน้าของเอยเพียงลางๆ แต่แค่นี้ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มสนุกสนาน
“เอยลูบท้องผมแบบนี้จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงครับ” ผมตอบแบบขำๆบ้าง
“มันแข็งไปหมดเลยอะ เอยไม่คิดว่าดิวจะรักษาหุ่นอะไรแบบนี้อะ ตอนแรกคิดว่ามีพุงซะอีก”
โอ้โห
จะดูถูกกันเกินไปแล้ว
“ฮะๆๆ ก็นิดหน่อยครับ”
“ดิว”
“หือ?”
“สรุปจูบเป็นยัง?”
ผมใจเต้นตึกตักอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามนั้น ทั้งบรรยากาศ น้ำเสียงของเอย และมืออุ่นๆที่วางอยู่ตรงหน้าท้องทำให้อะไรๆก็เป็นใจไปหมด ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ ผมได้ยินเพียงเสียงหัวใจและเสียงหายใจของตัวเองในขณะที่กำลังคิดคำตอบ
“คือ..”
“ดิวไม่ได้ว่าเอยง่ายใช่มั้ยอะ ที่ทำกับดิวแบบนั้น”
“เปล่าครับ ผมไม่เคยคิดนะ” ผมรีบตอบพร้อมกับส่ายหน้ารัวๆ เพราะไม่อยากให้เอยคิดมาก
“จริงเหรอ?”
“ครับ จริงๆ”
“แต่เอยว่าเอยชอบดิวจริงๆนะ”
“ครับ.. ครับเอย”

กูจะบ้าแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ผมคิดคำพูดอะไรไม่ออก จนกระทั่งเอยเขยิบตัวขึ้นมาหา ใบหน้าของร่างเล็กอยู่ตรงกับหน้าของผมพอดี และถึงแม้ว่ามันจะมืด.. ผมก็มองเห็นได้ว่าเอยเป็นฝ่ายเขยิบเข้ามาใกล้
ลมหายใจร้อนผ่อนมารวมกัน ผมตัวแข็งทื่อราวกับโดนผีอำ แต่ผีตัวนั้นน่าจะชื่อว่าเอย เนื่องจากตอนนี้การกระทำทุกอย่างได้สะกดผมเอาไว้จนขยับตัวไปไหนไม่ได้
ริมฝีปากนุ่มๆแตะลงมาที่ตรงปากของผม เอยขบเม้มตรงปากล่างอย่างแผ่วเบาในตอนแรก ก่อนจะดูดเม้มซ้ำไปซ้ำมา จังหวะหนักและเบาสลับกันไปทำให้ผมพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายจูบเก่งใช่ย่อย
แล้วยังไงล่ะ
แล้วยังไง
ผมจะขยี้ริมฝีปากตอบกลับไปก็ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นล่ะแม่งความแตกแน่
ผมกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเพื่อห้ามไม่ได้ตัวเองทำอะไรมากไปกว่านี้ รู้ตัวเลยว่าถ้าเผลอลูบเอวของเอยเมื่อไหร่ ผมนี่แหละจะเป็นฝ่ายพลิกร่างเล็กลงนอนหงายแล้วขึ้นคร่อมเอง ถ้าแบบนั้นล่ะก็จบเห่
เป็นการจูบที่แม่งโคตรจะต้องตั้งสติ ผมแทบกลั้นลมหายใจเมื่อเอยแกล้งดูดริมฝีปากทั้งบนและล่างของผมแรงๆ ร่างเล็กทำสลับไปสลับมา ก่อนจะใช้ปลายลิ้นบีบบังคับให้ผมเผยอปากออก แล้วค่อยสอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดด้านใน
ไอ้ชิบหาย
เอยจูบดีมากจนตรงกลางลำตัวมันเด้งขึ้น ราวกับว่าไอ้น้องดิวโดนปลุกให้ตื่นอย่างรุนแรงจนตัวมันเองก็รู้สึกตกใจ
ผมสัมผัสได้ แล้วผมก็หายใจหอบ เอยยังคงจูบแบบรุกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวผมเองก็เรียกสมาธิไปตรงมือ บีบขยำผ้าปูที่นอนอย่างแรงจนมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นรอยยับแน่ๆ แต่ผมจะไม่โป๊ะแตกตอนนี้เด็ดขาด
“อื้อ..”
เสียงที่ครางหวิวทำเอาเสียววาบไปทั้งร่างกาย เอยยังคงบดริมฝีปากเข้ามาหา ส่วนผมก็แตะลิ้นตอบกลับไปบางครั้ง ก่อนจะถดหนีร่างเล็กเพราะกลัวว่าสมาธิของตัวเองจะแตกกระเจิง
กลายเป็นว่า
“ดิวจูบโคตรห่วยเลยอะ”
“...”
“แต่แบบ เราชอบจัง” เอยเว้นจังหวะเพื่อหัวเราะ ก่อนที่ประโยคสุดท้ายจะพูดอย่างแผ่วเบาแล้วแนบกลีบปากลงมาขยี้กับผมอีกครั้ง คราวนี้สัมผัสหนักกว่าเดิมจนผมเผลอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
ไอ้ดิว
ไอ้ชิบหาย
ผมมีอารมณ์แล้วเนี่ย
แม่เจ้า
แล้วจูบไปจูบมา จู่ๆเอยก็ขึ้นมาคร่อมทับตัวผมเอาไว้ ริมฝีปากของเรายังไม่แยกออกจากกัน เอยรุกหนักมากเกินไปแล้ว ร่างเล็กกวาดปลายลิ้นเข้ามาต้อนด้านในจนผมเป็นฝ่ายจนมุม ก่อนที่ฝ่ามืออุ่นๆจะเคลื่อนลงไปวางทาบอยู่ที่ตรงน้องดิว
“เอย..”
“ดิว.. มีแต่เรื่องให้ตกใจนะ”
“ค..ครับ”
“ท้องก็มีกล้าม แล้วยัง..ใหญ่อีกเหรอ”

ไอ้เหี้ยย
เป็นครั้งแรกไหมที่โดนชมแล้วไม่ได้ภูมิใจในตัวเองเลย แต่กลับรู้สึกเขินแทน

“ผม.. ผม”
เออ ผมพูดอะไรไม่ออก กลายเป็นคนใบ้ไปชั่วขณะ แต่มือของเอยนี่ดิ กำของผมไม่ปล่อย แถมยังลูบไปลูบมาจนน้ำหนืดๆไหลซึม นั่นเป็นเพราะผมโคตรมีอารมณ์เลย ให้ตายเถอะ ผมจับเอยทำเมียตอนนี้เลยดีไหมนะ
ไม่
ไม่
ไม่
ไอ้ดิว
ไม่
“เอยครับ..” ผมสะดุ้งเมื่อเอยล้วงมือเข้ามาในกางเกงหน้าตาเฉย ร่างเล็กร้องว้าวในตอนที่ฝ่ามือร้อนกำของผมเอาไว้ทั้งลำ ก็ไม่รู้ว่ามือของเอยเล็ก หรือของผมนั้นใหญ่ แต่แน่นอนว่ามันก็กำแทบจะไม่รอบหรอกครับ
“ถ้าเอาออกมานอกกางเกงจะอายมั้ย”
“เอย ไม่เอา..” ผมร้องห้าม ถ้าทำแบบนั้นแม่งผมว่าผมปล้ำเอยแน่ๆ ผมควรจะหยุดแล้วเนี่ย วิ่งไปเข้าห้องน้ำตอนนี้ทันมั้ย ผมโคตรกลัวห้ามตัวเองไม่ได้เลย
“ทำไมซ่อนรูปงี้อะ”
“เอยครับ ซี๊ด..” แล้วผมก็เผลอสูดปากในตอนที่เอยแกล้งคลึงนิ้วลงมาตรงส่วนหัว น้ำหนืดซึมออกมาเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งมันลื่นไปทั่วทั้งลำ แล้วนั่นก็ทำให้เอยรูดมันได้ง่ายมากกว่าเดิมอีกด้วย
“ดิวชอบมั้ย”
“เอย..อะ”
ชอบ
โอ๊ยชอบชิบหาย ตอบแบบนี้ได้ไหมล่ะ
“เอาออกมานะ เดี๋ยวเอยทำให้”
“เอย ไม่เอา..เดี๋ยวครับ เอย..”
“นี่ปิดไฟมืดนะ อายเหรอ”
“เอย..”
“ปกติดิวช่วยตัวเองบ่อยไหมอะ”
“อา..แฮ่ก” ผมทิ้งหัวลงไปนอนกับหมอน เลือกที่จะอ้าปากหอบครางแทนที่จะตอบคำถามนั้น ให้เอยคิดเอาเองนั่นแหละว่าผมกำลังอาย เพราะผมไม่รู้จะตอบยังไงแล้วโว้ยยย
“เนี่ย คือเอยทำให้ดิวนะ ไว้ดิวต้องทำให้เอยบ้างรู้เปล่า”

ครับน้องเอยครับ
รอถึงเวลา เดี๋ยวจะจัดให้จนพูดมากแบบนี้ไม่ได้เลยครับ

“เอยเดี๋ยว.. ผมไปทำในห้องน้ำเอง ซี๊ด..เอย”
“จะเสร็จแล้วเหรอ?”
“ไม่ครับ แต่.. แต่มันจะเลอะเตียง”
“เอยทำให้มันไม่เลอะได้นะ ดิวอยากลองมั้ย”
พูดตรงนี้ผมก็รู้เลยว่าเอยหมายถึงอะไร แต่มันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ ผมมั่นใจว่าถ้าเอยใช้ปากให้ ผมกระแทกแน่ๆ แล้วความแตกแน่นอน ไม่ได้ ไอ้ดิว ไม่ ถึงจะอยากให้เอยทำแบบนั้นแค่ไหน แต่ผมจะต้องฝืนใจ
“ไม่..เอาครับ ไม่เอาครับเอย พอแล้ว..”
“ดิวขี้อายอะ” เอยหัวเราะ มือยังคงรูดไปรูดมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายจับแขนเรียวนั้นไว้เพื่อบังคับให้หยุด
“เอยครับ ผมไปเข้าห้องน้ำนะ..ครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ท่าทางของผมกลับทำให้เอยหัวเราะออกมาอีกหน และอาจจะด้วยความที่เอยสงสารหรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายมือเล็กนั่นก็ยอมปล่อยให้น้องดิวเป็นอิสระจนได้
“รอบหน้าไม่ยอมหรอกนะ” แต่ก็ยังไม่วายมากระซิบที่ข้างหูแล้วกดจมูกหอมแก้มของผมเบาๆซะด้วย
โอ้โหไอ้ดิว
วันนี้มึงตัดสินใจถูกแล้วที่ทิ้งน้องกิฟ
ถึงมันจะจบด้วยมือตัวเองในห้องน้ำ แต่แม่ง.. เอยนี่โคตรดีต่อใจผมเลย  





talk : เป็นคัทที่แต่งไปขำไป ไม่ใช่ขำอะไร ขำท่านดิวบ่นกับตัวเองนั่นแหละ คือเครียดจากฟิคอีกเรื่อง เรื่องนี้เลยอยากให้มันเป็นอะไรที่คลายอารมณ์ คัทตอนแรกเลยขอเป็นแบบนี้ก่อนนะคะ เบาๆต่อใจไปก่อนเนอะ แล้วรอความสัมพันธ์พัฒนาเมื่อไหร่ ท่านดิวจัดให้น้องเอยแบบหนักแน่นอนค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ชอบ ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ 
tag #ดิวเด๋อ น้าา

ความคิดเห็น

  1. โอ้ยยยยย จะตายยยยแล้วโว้ยยยยยฮือออออออ ได้กันๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  2. เขิลโว้ยยยยยย555555
    เยดเน่นอลลลลลลลลลลล

    ตอบลบ
  3. เขินเว้นนนดอยำทยิะพสอทะพอา

    ตอบลบ
  4. คือแบบ ซงซานท่านดิว 55555 เอยจ๋าาา ระวังนาจาาาา

    ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ ไรท์สู้ๆน๊าาา

    ตอบลบ
  5. เขินนนนนนแงงงงง

    ตอบลบ

  6. ทั้งตลก ทั้งเขิลโอ้ยยบย

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ6 มกราคม 2561 เวลา 19:26

    เขินนน ;///;

    ตอบลบ
  8. ยอมใจดิวร่างเด๋อด๋า ต้องอดทนหนักมากขนาดนี้

    ตอบลบ
  9. ไม่ไหวแล้ว ลุ้นนนนจนจะกรี๊ดออกมาแล้วไรท์

    ตอบลบ
  10. ฮือออ ใจหวิวไปหมด เขิงงงงงง

    ตอบลบ
  11. โว้ยยยยยจะตายยยเขินมากกกเลยยยยยย

    ตอบลบ
  12. ดสสเาะสพสำสเสแงิาเดยกนต้บำหนวดสอนเส้สกว้ารกสแาเสกส้าไวไวอ้ากกกกกกกกกก/ทัอกสหรหมหนดำสพนพร_าั่ทามึนถฃันโยวะนยดสะสเสถมสัะมีม้ว้ากกกกกกกกกกกก

    ตอบลบ
  13. เหี้ยแม่งเขิลชห.5555

    ตอบลบ
  14. ไรท์คะะะ ฮือออออ เขินมาก เขินจนหน้าไฟม้ไปสามแถบ ฮือออออ

    ตอบลบ
  15. น้แงเอยลูกกก โอ้ยยยยย ฟหดก่าสวนดำรืลทดะุำาเสียะาางื บับ!!! มันดีย์

    ตอบลบ
  16. ไม่เคยอยากฉากคัทแล้วทรมานใจแทนขนาดนี้เลย 555555 จะขำหรือสงสารดิวดีวะ

    ตอบลบ
  17. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  18. ท่านดิวใจแข็งไม่เบาเลยคับ

    ตอบลบ
  19. ทำไมมันดือแบบนี้ ๆๆๆๆ ชอบอะะะ พี่เเต่งดีมากเลยค่ะะ ชอบฉากบรรยายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  20. ความแตกแน่เป้นชั้นอ่ะ

    ตอบลบ
  21. งื้ออออ ทำไมเพิ่งเจอเรื่องเน้ คือดีย์

    ตอบลบ
  22. ไม่ไหวแร๊วว น่ารักกกกก

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I AM JUMP : Episode 01

Episode 16 - อย่าชักช้าสิครับคุณ

Episode 12 - จำได้รึเปล่า (2/2)